Wednesday, August 12, 2009

ดร.วรพัฒน์ ภู่เจริญ อดีตวิศวกรขององค์การอวกาศนาซ่า.........."หลักคำสอนของคริสต์แก้ปัญหาชีวิตให้เราไม่ได้"


ดร.วรพัฒน์ ภู่เจริญ บริการจัดการองค์กรด้วยหลักพุทธธรรม

หากเอ่ยถึงที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการ ในแวดวงนักบริหารน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ‘ดร.วรพัฒน์ ภู่เจริญ’ เจ้าของบริษัทพรีม่า แมเนจเม้นท์ จำกัด เนื่องด้วยเขาเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการที่ได้รับการยอม รับจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายบริษัทของเมืองไทย ไม่แปลกที่บริษัทเหล่านี้ว่าจ้างให้เขาเข้าไปทำการ ปรับกระบวนยุทธ์ในการบริหาร แต่ที่น่าแปลกใจคือ กลยุทธ์ที่เขาแนะนำแก่บริษัทต่างๆนั้น ไม่ได้มาจากตำราหรือหลักการบริหารของฝรั่งมังค่า ทว่ามาจาก ‘หลักธรรม’ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เขายืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นบรมครูของวิชาทรัพยากรมนุษย์อย่างแท้จริง



• ทราบว่าตอนแรกอาจารย์นับถือศาสนาคริสต์ ทำไมจึงเปลี่ยนมาเป็นพุทธคะ
เดิมผมนับถือศาสนาคริสต์ คือเป็นคริสต์กันทั้งบ้านแต่มาพบว่าหลักคำสอนของคริสต์แก้ปัญหาชีวิตให้เรา ไม่ได้ เลยหันมาศึกษาพุทธศาสนาและเปลี่ยนมาเป็นพุทธเมื่อ 8 ปีที่แล้วตอนนั้นก็ปาเข้าไปอายุ 39 แล้วนะ(หัวเราะ) แต่เป็นพุทธได้สัก 2 ปีก็รู้สึกว่าจริงๆแล้วโลกนี้มีแต่ความว่างเปล่า ต้องขอบคุณพระพุทธเจ้าที่ทรงชี้ให้เราเห็นว่า สุดท้ายแล้วชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอนและวิธีที่จะสยบความเปลี่ยนแปลงก็คือ ความว่างภายในใจของเรา ถ้าใจสงบก็สามารถสยบความเคลื่อน ไหวภายนอกได้หมด เหมือนตรงกลางพายุซึ่งรอบๆหมุน วนแต่ตรงกลางสงบ จิตกับความคิดนี่คนละตัวกันนะ ขณะที่เราใช้สติควบคุมความคิด เราต้องรักษาความว่างของจิตไว้


• แล้วเริ่มเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาอย่างไร
โอย..กว่าผมจะเจอครูบาอาจารย์ที่ถูกต้อง ก็ไปหลงงมงายอยู่พักหนึ่งแบบ ‘เมาศรัทธา’ ห้อยพระเครื่องเต็มตัวเลย เมื่อก่อนนี้ คือช่วงนั้นผมบาดเจ็บกระดูกหลังหัก ก็เลยพึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ต่อมาก็มานั่งพิจารณาดูว่า เอ...การห้อยพระเครื่องหรือมีพระพุทธรูปเต็มบ้านนี่มันใช่ทางดับทุกข์ หรือเปล่า ก็พบว่าไม่ใช่ สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เปลือก เรายังเจาะไปไม่ถึงหัวใจของพุทธศาสนา

พอเรารู้ว่านี่ไม่ใช่หนทางดับทุกข์ก็มาเจอด่านที่ 2 คือ ‘เมาบุญ’ ผมบ้าทำบุญ สร้างวัด สร้างเจดีย์ไปเรื่อย ตอนนั้นผมสร้างเจดีย์ทั้งองค์เลย สร้างไว้ที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งเราได้ในเรื่องของทานนะ แต่ไม่ได้ปัญญา ช่วงนั้นก็โลภบุญ คือทำบุญแล้วก็อยากจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ อยากจะหายป่วยไข้ อยากจะร่ำรวย ซึ่งจริงๆ แล้วเราต้องทำไปพร้อมๆกันนะ ทั้งทาน ศีล ภาวนา แล้วก็ต้องรู้ด้วยว่าการทำบุญเหมือนกับการฝากธนาคารแบบสะสมทรัพย์ระยะยาว ไม่สามารถเอาบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเพื่อเบิกบุญตรงนั้นออกมาใช้ได้ บุญเราได้แน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะส่งผลเมื่อไร ก็เมาบุญอยู่พักหนึ่ง มานั่งพิจารณาอีกก็พบว่ามันไม่ใช่

ผมจึงเข้าไปศึกษาธรรมะด้วยการบวช แต่ก่อนบวช ผมก็ศึกษาก่อนนะว่าจะเลือกวัดไหนดี (หัวเราะ) ก็ดูจากสื่อต่างๆบ้าง ถามจากเพื่อนที่เขาเป็นทหารบ้าง เพราะพวกนี้ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ เขาก็จะรู้ว่าวัดไหนน่าไป ก็ได้คำแนะนำว่าน่าจะไปศึกษาธรรมะกับพระอาจารย์ในสายหลวงปู่มั่น (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) ผมจึงไปบวชและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่จันทรา ฐาวโร ที่วัดป่าเขาน้อย อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขาว พระอาจารย์ในสายหลวงปู่มั่น


ที่มา : http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.a...D=9480000135348

No comments: