Saturday, August 15, 2009

บันทึกเรื่องของคุณพาณี รัตนสมบัติ ผู้อธิษฐานถึงพระพุทธเจ้าและพระเยซู


“บันทึกเรื่องของคุณพาณี รัตนสมบัติ” เป็นหนังสือพิมพ์แจกในงานศพ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๐๗

ข้าพเจ้ามีความสนใจเรื่องที่คุณพาณีหมดลมหายใจไปแล้วสามครั้ง ตายอย่างอวัยวะส่วนต่างๆ หยุดทำงานตัวเย็นชืด แต่แล้วกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา และเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาในระหว่างจิตดับได้เข้าไปในเขตดินแดนเมืองสวรรค์ โดยมีรถที่สวยงามมีผู้คนแวดล้อมพาไป และก่อนที่คุณพาณีจะหมดลมนั้นก็รู้ล่วงหน้าทุกครั้ง " แต่ สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้าในหนังสือฉบับนั้น ก่อนตอนต้นที่คุณพาณีได้ตัดสินใจจากประสบการณ์ในนิมิต เปลี่ยนใจจากการนับถือศาสนาคริสต์มานับถือศาสนาพุทธด้วยแรงอธิษฐาน"

เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านแล้ว ก็เกิดสนใจในชีวิตอันประหลาดมหัศจรรย์ของคุณพาณีมาก รู้สึกมีความเลื่อมใสอยากจะติดตามเรื่องนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถจะติดตามเรื่องนี้ได้ เพราะข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักกับญาติของคุณพาณีพอที่จะให้ความกระจ่างแจ้งใน เรื่องนี้ ก็ได้แต่เก็บความสนใจเรื่องนี้ไว้ในความรู้สึก หวังคอยเวลาและโอกาสข้างหน้า

แต่แล้วต่อมาเมื่อเทศกาลกฐินปี ๒๕๐๙ ข้าพเจ้าได้ไปงานทอดกฐินที่วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีผู้แนะนำให้รู้จักกับ คุณสาย รัตนสมบัติ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักท่านผู้นี้มาก่อนเลย นับว่าเป็นโชคดีโดยบังเอิญ ข้าพเจ้าเรียนถามถึงคุณพาณี ตามที่ข้าพเจ้าได้อ่านในหนังสือบันทึกที่พิมพ์แจก และอยากทราบนอกเหนือกว่านั้น คุณสายเป็นผู้ที่คุยสนุกได้กรุณาเล่าให้ฟังในเวลาตอนเลี้ยงอาหารเที่ยง ที่บนศาลาวัดประดู่ทรงธรรม หลังจากทอดกฐินแล้ว รวมทั้งผู้มีเกียรติอีกหลายท่าน เรามีเวลาสนทนากันไม่มากนักในระหว่างอาหาร และหลังอาหารเราก็ยังสนทนากันอีกนาน แต่ยังไม่สิ้นเรื่อง

ข้าพเจ้าจะขอย่อแต่ต้นเรื่อง คือ การเปลี่ยนศาสนาของคุณพาณี เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาไม่เป็นพิษภัยให้โทษแก่ใคร การที่คนใจชั่วทำลายพระพุทธรูปที่ได้รับภัยก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ใครทำดีทำชั่วย่อมหนีไม่พ้นกรรมที่ทำไว้ คุณพาณีเคยอยู่โรงเรียนกินนอนมาแต่เด็กๆ ได้ถูกอบรมให้ถือศาสนาคริสต์ไปด้วย เมื่อกลับมาอยู่บ้านก็แยกเป็นสองศาสนา คือ มีพุทธและคริสต์ในบ้านเดียวกัน แต่ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาเสรี ก็มิได้รังเกียจใครจะถือศาสนาใดก็เข้ากันได้ ให้ความรักใคร่เอ็นดู เห็นอกเห็นใจเช่นเดียวกันไม่ลบหลู่ดูหมิ่น เพราะเห็นว่าทุกศาสนาสอนให้คนทำความดี

แต่คุณพาณีไม่สบายใจ เพราะปัญหาเรื่องศาสนาที่ต้องแยกกันนับถือในบ้านเดียวกัน ตัดสินใจไม่ถูก เพราะมองเห็นดีทั้งศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ แต่เมื่ออยู่บ้านเดียวกัน ก็ควรจะนับถือศาสนาเดียวกัน จะได้มีจิตใจร่วมสามัคคีสนิทเพื่อความสุขทางครอบครัว ถ้าคนละศาสนาจะทำอะไรก็ต้องคอยระวัง เกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจกัน ต้องคอยถนอมน้ำใจกันตลอดไป คุณพาณีคิดว่าถ้าถือพุทธก็ควรจะถือกันทั้งหมดบ้าน ไม่ควรจะถือแยกกัน แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะชวนคนในบ้านให้นับถือคริสต์ทั้งหมด หรือตนเองจะร่วมนับถือพุทธด้วย

แล้วคืนหนึ่งก่อนเข้านอนก็ตัดสินใจว่า คืนนี้จะขออธิษฐานให้พระพุทธเจ้า และพระเยซูเจ้า ขอให้มาแสดงอภินิหารต่อสู้กัน ถ้าฝ่ายใดชนะก็จะตัดสินใจเด็ดขาดยอมนับถือศาสนานั้น ไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีก มุ่งหน้าปฏิบัตินับถือตลอดไป

ฉะนั้น ก่อนนอนจึงบูชาอ้อนวอนบอกกล่าวถึงความประสงค์ ทั้งฝ่ายพระเยซูคริสต์และพระพุทธเจ้าตามที่ตนปรารถนาไว้ เมื่อตัดสินใจเด็ดขาด ในคืนนั้นก่อนสว่างเกิดฝันเห็นพระสงฆ์สูงอายุห่มจีวรเก่าๆ มายืนเทศน์อยู่ที่หัวนอนว่า

“ดูก่อนสีกา การที่ประสงค์จะให้พระเยซูคริสต์กับพระพุทธเจ้า มาแสดงอภินิหารหรือใช้กำลังชิงชัยต่อสู้กันนั้น ทางพระพุทธศาสนาไม่มีการสอนให้ต่อสู้ ผิดศีล ศาสนาพุทธมีแต่สอนให้มีความเมตตากรุณา สอนให้จิตใจสงบจะเกิดสุข สอนไม่ให้เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น สอนให้ละความชั่วสร้างความดี ให้ทำบุญสร้างกุศลเป็นทางละความโลภ โกรธ หลง นำไปสู่ความร่มเย็น ศาสนาพุทธมีแต่ชี้ทางให้ปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธองค์ เพื่อจะกำจัดกิเลสตัณหา ฟอกจิตใจให้บริสุทธิ์ เพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์”

รุ่งเช้า คุณพาณีได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟังว่า ในฝันได้พบพระสงฆ์ในพุทธศาสนา ได้บอกถึงศาสนาพุทธไม่มีการต่อสู้มีแต่ความสงบ แต่พระเยซูคริสต์ไม่ปรากฏว่ามา

คุณแม่บอกว่า “พระท่านมาโปรดแล้ว เป็นนิมิตที่ดีควรจะตัดสินใจเคารพนับถือพระพุทธศาสนา” และวันนั้นคุณแม่ก็นำตัวคุณพาณีไปที่วัดพระแก้ว พร้อมด้วยดอกไม้ ธูป เทียนให้ถวายตัวเป็นลูกพระแก้วมรกต เริ่มฟังธรรมและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ได้ศึกษาธรรมและทำสมาธิจนเกิดอำนาจจิตขึ้นอย่างอัศจรรย์ นี่ข้าพเจ้าได้ย่อมาจากหนังสือและคำบอกเล่าของคุณสาย รัตนสมบัติ

ขอเพียงยกตัวอย่างในเรื่องนี้ให้เห็นว่า พระพุทธศาสนานั้น พระพุทธเจ้าท่านเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตากรุณา มีแต่ให้คุณไม่มีให้โทษให้ร้ายต่อใคร แต่พวกทำลายพระพุทธรูปเพื่อหาประโยชน์ใส่ตนนั้นเหมือนถูกสาป ถ้าได้มีโอกาสติดตามอย่างใกล้ชิดก็จะรู้เห็นว่าพวกนี้จะทำอะไรก็ไม่เจริญ รุ่งเรือง มีแต่ตกต่ำเสื่อมทรามลง บั้นปลายของชีวิตก็พบจุดจบด้วยกรรมตามสนอง

หากยังมีผู้ใดสงสัยในเรื่องกรรม ก็ขอให้ไปนมัสการถามพระคุณเจ้าท่านเจ้าอาวาสวัดโพธินิมิตร ฝั่งธนบุรี ท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสผู้ทรงคุณธรรมสูงพร้อมด้วยเมตตากรุณา คงจะประทานความรู้เรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหลายเรื่อง และจะได้มนัสการพระพุทธรูปยืนสององค์ซึ่งอยู่บนกุฏิของท่าน เป็นต้นเรื่องที่ข้าพเจ้านำมาเล่า เมื่อรู้เรื่องของกรรมดีแล้วจะได้มีโอกาสสำรวมสติตั้งใจเป็นสมาธิ และระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ด้วยอำนาจกุศล จิตใจเราผ่องใส เกิดความร่มเย็นเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ด้วยหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้มีแต่ความสงบสุขตลอดไป

ที่มา
มารศาสนา
โดย ท.เลียงพิบูลย์

จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๑

No comments:

Post a Comment