Monday, February 14, 2011

ดาวิกา ดาราสาว ชอบเข้าวัดตามคุณแม่


เก่าหลบไป “ใหม่” ดาวิกา มาแล้ว!

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 26 มกราคม 2554 23:43 น.


แฟนละคร 7 สี วินาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเธอ “ใหม่ ดาวิกา โฮรเน” เด็กในสังกัด “เอ ศุภชัย” นางเอกหน้าใหม่ที่เข้ามาจับจองช่วงเวลาทองของช่องเอาไว้ได้มากที่สุด เพราะเธอมีละครหลังข่าวฉายถึง 2 เรื่อง ติดกัน 5 วันรวดอยู่ในขณะนี้ หลายคนหลงรักนางเอกลูกครึ่งรายนี้จากละครดราม่าเรียกน้ำตาเรื่อง “เงากามเทพ” จนเรียกเธอว่า “ดอกเทียน” มากกว่าชื่อจริง อีกหลายคนเริ่มหันมาสนใจเธอมากขึ้น เพราะมองว่าหญิงสาววัย 18 คนนี้กำลังเข้ามาเป็นหมากตัวสำคัญ เป็นคลื่นลูกใหม่ที่ใช้ต้านกระแสนางเอกช่อง 3 สี คนที่ยังข้องใจว่าเธอคนนี้มีดีอะไร วันนี้เราจะพาไปค้นเสน่ห์ของเธอกัน

“ขี้เล่น และ ขี้อ้อน” สองคำนี้บ่งบอกบุคลิกของ “ใหม่ ดาวิกา โฮรเน” ได้ดีที่สุดถ้าวัดจากเวลากว่าสองชั่วโมงที่ได้รู้จักตัวจริงของเธอ เรานัดเจอกันหลังถ่ายทอดสดรายการ “7 สีคอนเสิร์ต” จึงมีโอกาสได้เห็นลีลาการร้องเพลงบนเวทีของใหม่ผ่านหน้าจอทีวีก่อนจะได้เจอตัวเป็นเป็นในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เมื่อได้พบกัน เรื่องนี้จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประโยคเปิดบทสนทนาและทำให้เราได้รู้ความลับเล็กๆ จากเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ

“พี่ได้ดูด้วยเหรอคะ อายมาก (น้ำเสียงเขินสุดๆ) เรื่องร้องเพลงไม่ใช่แนวของใหม่จริงๆ ค่ะ ปกติจะมีแต่คุณแม่ที่เคยได้ยินเสียงใหม่ แต่คุณแม่ก็ไม่ได้เต็มใจจะฟังนะ (หัวเราะ) แล้วใหม่ก็อายเสียงตัวเองมาก เลยไม่ได้ฟังเพลงที่อัดไว้นานมากแล้ว พอวันนี้มาจับไมค์ร้องเพลง ถ้าได้ดูจะเห็นว่าปากไม่ซิ้งกับเพลงตั้งแต่เริ่ม มีแฟนคลับส่งบีบีมาให้ตอนคอนเสิร์ตด้วย บอกว่าพี่ใหม่น่ารักจัง ถึงจะไม่ได้ร้องเพลงจริงๆ ก็เถอะ เศร้าเลยค่ะ” ใหม่เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงโอดครวญ จนทำให้เราอดขำไปด้วยไม่ได้

เมื่อเห็นว่าต่างฝ่ายต่างรู้จักกันพอสมควรแล้ว เราจึงเริ่มสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ ทันทีที่เห็นทีมงานกดปุ่มอัดเสียง หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็สวมวิญญาณพิธีกรทีวี กระเถิบตัวเข้ามาใกล้ไมค์พร้อมกับแนะนำตัวโดยอัตโนมัติ “สวัสดีค่ะ ดาวิกา โฮรเน นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เราได้แต่หัวเราะไปกับความขี้เล่นของเจ้าของเสียง และเริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรทำให้ใหม่กลายเป็นนางเอกดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในขณะนี้ คงเพราะเสน่ห์ที่อัดแน่นอยู่ในตัวเธอนี่เอง


ได้ดีเพราะติดเพื่อน
เมื่อรู้ว่าผู้จัดการดาราชื่อดังอย่าง “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” คือคนสำคัญที่ช่วยปลุกปั้นเธอ หลายคนคงเข้าใจไปแล้วว่าใหม่มีชะตาชีวิตไม่ต่างไปจากดาราวัยรุ่นทั่วๆ ไปคือ เดินตามสยามฯ ย่านแฟชั่นชื่อดัง แล้วเกิดสะดุดตาโมเดลลิ่งเข้า จึงถูกติดต่อให้เข้าไปแคสต์งาน ทั้งที่ความจริงแล้วเส้นทางในวงการของเธอเริ่มต้นขึ้นโดยมีเพื่อนเป็นคนจุดประกาย ก่อนหน้านี้ใหม่ก็เหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป มีชีวิตสนุกสนานอยู่กับกลุ่มเพื่อน เข้าเรียนบ้างโดดบ้างตามประสา แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนคนหนึ่งของเธอสามารถทำงานและหาเงินได้จากวงการบันเทิง ใหม่จึงเดินเข้าไปขอคำปรึกษาและหาลู่ทางด้วยตัวเองโดยมีครอบครัวคอยสนับสนุน


“ใหม่ก็เหมือนเด็กคนอื่นๆ แหละค่ะ เล่นกีฬาเหมือนเด็กผู้ชาย ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาเป็นดารา จนวันนึงเพื่อนของใหม่เขาไปแคสต์งาน ได้ทำงานแล้วก็ได้เงินด้วย เราก็รู้สึกอยากทำบ้าง ก็เลยขอคุณแม่ดู ตอนแรกคุณแม่ไม่ค่อยยอมเท่าไหร่ ใหม่ก็ไม่ได้ตื๊ออะไรมากหรอกค่ะ แค่เดินเข้าไปบอกแม่ทุกวันว่าอยากทำ คุณแม่ช่วยหาทางให้หนูหน่อยสิ (ทำเสียงอ้อน) คุณแม่เลยใจอ่อน พอดีว่าคุณน้ามีลูกอยู่ในวงการ ก็เลยติดต่อโมเดลลิ่งให้เรา"
"หลังจากนั้นใหม่ก็เริ่มแคสต์งาน เริ่มได้ทำงานตอนอายุ 14 ถ่ายโฆษณา เดินแบบ ถ่ายแบบไปเรื่อย มีชีวิตเหมือนเด็กโฆษณาทั่วไป จนอายุได้ 17 ปี วันนั้นไปถ่ายนิตยสารแฟชั่นรีวิว แล้วพี่เฮเลนไปเจอใหม่ พี่เขาเป็นเพื่อนกับพี่เอ ศุภชัยพอดี ก็เลยพาเราไปหา แล้วพี่เอก็พาใหม่เข้าไปเซ็นสัญญากับช่อง 7 ค่ะ” ใหม่ลำดับภาพชีวิตให้ฟัง


เข้าวงการได้เพราะมีเพื่อนเป็นแรงดลใจอย่างนี้ ถามว่าเป็นคนติดเพื่อนแค่ไหน ใหม่ตอบว่า “ไม่ติดมั้งคะ แต่แค่ขาดไม่ได้ (ยิ้ม)” โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเกือบ 10 คนในโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง เรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม.3 สร้างวีรกรรมหลายอย่างร่วมกันมา เธอบอกว่าสนิทจนถึงขั้นรับผิดแทนกันได้อย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว
“ตอนนั้นจำไม่ได้แล้วค่ะว่าถูกครูดุเรื่องอะไร รู้สึกจะเป็นเรื่องโดดเรียน ครูดุใหม่กลางชั้นเรียนเลยว่าทำไมไม่เข้าเรียน แล้วเพื่อนในกลุ่มเห็นเราโดนว่าคนเดียวก็ไม่ยอม ลุกขึ้นพูดพร้อมกันทั้งกลุ่มเลยว่าหนูก็ทำค่ะครู บอกว่าถ้าจะตีก็ตีให้หมดนี่ อย่าตีใหม่คนเดียว พูดแล้วคิดถึงเลย” ใหม่กะพริบตาถี่ ก่อนขยายความต่อ


“ยิ่งตอนจะย้ายโรงเรียนตอนม.3 จำได้ว่าเศร้ามาก ต้องย้ายเพราะคุณแม่อยากให้ได้แกรมม่าภาษาอังกฤษ เหมือนกับเราพูดได้แต่ยังเขียนไม่แม่นเท่าไหร่ เพื่อนก็ปลอบว่าถึงย้ายไปก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพราะรู้จักกันมาตั้ง 10 ปี สนิทกันมาก แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ ทุกวันนี้ถ้าวันไหนถ่ายงานเสร็จแล้วไม่เหนื่อยมาก ก็จะแวะไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน แต่ยอมรับว่าทำงานแบบนี้แล้วไม่ค่อยมีเวลาเหมือนแต่ก่อน อยู่ในกองฯ บางครั้งนึกอยากโทร.หาเพื่อนยังโทร.ไม่ได้เลย กลัวไม่มีสมาธิ เดี๋ยวจำบทไม่ได้” ถ้าไม่รู้ว่าใหม่รักเพื่อนกลุ่มนี้มากแค่ไหน สีหน้าและแววตาตอนที่เธอเล่า บ่งบอกได้ดีที่สุด


ลูกครึ่งแค่หน้าตา
ด้วยเชื้อสายไทย-เบลเยียมที่มีอยู่ในตัว ถามว่ามีความเป็นไทยกี่เปอร์เซ็นต์ นางเอกหน้าลูกครึ่งตอบทันทีว่า “คงแค่หน้าตากับภาษามั้งคะที่เป็นฝรั่ง นอกนั้นใหม่ก็เป็นคนไทยเลยค่ะ” มีบ้างเหมือนกันที่ความคิดโน้มเอียงไปทางตะวันตก ถ้าวัดจากนิสัยง่ายๆ สบายๆ และไม่ค่อยมีพิธีรีตอง แต่ถ้าวัดจากวิถีความเป็นอยู่แล้ว ต้องบอกว่าหญิงสาวคนนี้ ไทยยิ่งกว่าไทยเสียอีก

“คุณพ่อจะสอนให้คิดแบบตะวันตก ปล่อยให้คิดแบบอิสระ คือเราจะทำอะไรก็ได้ เป็นตัวของตัวเอง สอนให้กล้าแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าเป็นเรื่องศาสนา ก่อนหน้านี้นับถือศาสนาคริสต์ แต่เปลี่ยนเป็นพุทธตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เข้าโบสถ์ทีไรร้องไห้ทุกที ก็เลยไม่เข้า แต่จะชอบเข้าวัดตามคุณแม่ พอได้ไปบ่อยๆ ก็เลยเชื่อในศาสนาพุทธ แล้วก็นับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่ตอนนั้น”


ถึงใหม่จะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมญาติฝ่ายพ่อที่เบลเยียมอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่ยังเด็ก และโปรดปรานช็อกโกแลตของที่นั่นมากแค่ไหน แต่เมื่อกลับมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย เธอก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องทำตัวโอ่อ่า สรรหาแต่ร้านหรูๆ กิน ขอแค่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเพิงข้างทางหรือแม้แต่อาหารท้องถิ่น ใหม่ก็กินได้สบายๆ
“เป็นคนทานง่าย กินได้ทุกอย่างทุกภาคเลยค่ะ เวลาทำงานก็ไม่ค่อยได้ใช้ตังค์เท่าไหร่ อยู่กองถ่ายก็กินข้าวกองฯ ถ้ามีโอกาสเจอกัน จะเห็นใหม่ไปกินร้านข้างทางบ่อยมาก ส้มตำไก่ย่าง ปลาร้ากินได้หมด โดยเฉพาะปลาร้าหลน ชอบกินมากค่ะ (ยิ้ม) คุณยายชอบทำมาฝาก แต่ที่ชอบสุดๆ ตอนนี้คือผัดสะตอ เพิ่งกินเป็นเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ทานแล้วติดใจมาก (หัวเราะ) ส่วนอาหารฝรั่งนี่ นานๆ จะได้กินสักที”


คงเหลือแค่เรื่องภาษาเท่านั้นที่ทำให้ใหม่ยังไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนไทย ปัญหาการออกเสียงควบกล้ำยังเป็นอุปสรรคก้อนโต ใหม่บอกว่าเธอถูกติติงเรื่องนี้อยู่เสมอโดยเฉพาะตอนถ่ายละคร “พี่ผู้กำกับจะซีเรียสเรื่องนี้มากค่ะ บอกว่าเราเป็นคนอยู่ในสื่อ ถ้าพูดไม่ชัด คนไทยที่ดูอยู่ เขาอาจจะติได้ หรือเด็กๆ อาจจะติดไปพูดตาม อาจจะทำให้น้องๆ เข้าใจผิดไปว่าเวลาพูด ร เรือ แล้วลิ้นไม่ต้องกระดกก็ได้ ตอนนี้ใหม่ยังต้องพยายามฝึกพูดควบคล้ำ ร เรือ, ล ลิง อยู่ตลอดเลยค่ะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝึกหนักขนาดไหน เพราะระหว่างที่นั่งคุยกับเรา เธอยังพยายามออกเสียงทุกคำพูดอย่างเห็นได้ชัด


แอ็กชันจนได้เลือด
ถ้าวัดประสบการณ์ในวงการจากผลงานที่ทำ ละคร 2 เรื่องดูเป็นตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบกับนักแสดงรุ่นพี่อีกหลายคน แต่ถ้าวัดจากประสบการณ์หินๆ ในกองถ่ายแล้ว ต้องยอมรับว่าใหม่เองก็มีไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน โดยเฉพาะละครแอ็กชันเรื่อง “เหนือมนุษย์” ละครเรื่องแรกในชีวิตของใหม่ ซึ่งเป็นละครที่สอนให้เธอรู้จักคำว่า “ครั้งแรก” ในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นสลิง ฉากบู๊เตะต่อย หรือแม้แต่ประสบการณ์ผิดคิวจนเลือดตกยางออก นางเอกหน้าใสคนนี้ผ่านมาหมดแล้ว


“ขึ้นสลิงตอนแรกๆ กลัวมากค่ะ เป็นฉากที่ต้องทำท่าตกลงมาจากต้นไม้ สูงสัก 3 ชั้นได้ พี่เขาให้ใส่สลิงไว้ แต่ด้วยความที่เรากลัว พอเขาบอกให้โดด ใหม่ก็โดดลงมานะ แต่ตอนทิ้งตัวลงมาเราเกิดสองจิตสองใจกลัวขึ้นมา เลยเอื้อมมือไปคว้ากิ่งไม้ไว้ ก็เลยได้แผลช่วงนี้มาเลย (ชี้ไปที่แนวไหล่ข้างซ้าย) แต่ทุกวันนี้ไม่กลัวแล้วค่ะ ฉากไหนมีสลิงบอกเลย ให้ใส่สลิงเองยังได้ (ยิ้ม) พักหลังๆ จะถามพี่ๆ ทีมงานเลยว่าวันนี้มีสลิงหรือเปล่า อยากขึ้น (หัวเราะ) สนุกดีค่ะ เวลาอยู่บนสลิง พี่ๆ เขาก็จะดึงตัวเรา ให้ความรู้สึกเหมือนเราลอยได้”


“ส่วนฉากบู๊ในเรื่องก็เยอะมาก ยากด้วย เพราะใหม่ไม่เคยต่อยหรือเตะใครมาก่อน ไม่รู้ว่าเวลาคนเขาต่อยกันทำยังไง ตั้งท่าแบบไหน ตอนแรกเราก็ยืนขาชิดกันเลย แล้วก็เขวี้ยงมือออกไป ต่อยออกไปแต่แขน ตัวไม่โยกไปด้วย (ใหม่ทำท่าเก้งๆ ก้างๆ ในตอนแรกๆ ให้ดู) แต่ตอนหลังเริ่มรู้ว่าเวลาต่อยต้องเปิดขาด้วย ใช้เวลาเรียนรู้อยู่นานเหมือนกัน ฝึกจากครูสอนคิวบู๊บ้าง แอบดูพี่สา (มาริสา อานิตา) ด้วย พี่เขาเตะต่อยสวยมากค่ะ ตอนนี้ใหม่ก็พอทำได้แล้ว แต่ถ้าทำอะไรผิดพลาดไป ก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ เรื่องเหนือมนุษย์เป็นเรื่องแรกของทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ค่ะ” เธอไม่ลืมอ้อนคนดู


ได้ข่าวว่าละครเรื่องนี้ทำให้เธอถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะผิดคิวมาแล้ว ใหม่ยกนิ้วนางทั้งสองข้างขึ้นมาเทียบให้ดู ทำให้เห็นว่าส่วนข้อต่อของนิ้วนางข้างซ้าย บิดเบี้ยวและบวมกว่าอีกข้างอย่างเห็นได้ชัด “นิ้วแตกค่ะ มันเลยไม่เท่ากัน” ใหม่อธิบายสั้นๆ ก่อนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังตามคำเรียกร้อง


“ตอนซ้อมก็ไม่มีอะไรค่ะ พี่ๆ ทีมงานวางตำแหน่งเอาไว้เรียบร้อยว่ากิ่งไม้ต้องตกตรงนี้ แล้วใหม่ต้องยืนตรงนี้ แต่พอถ่ายจริง มือใหม่ดันยื่นออกไปเกิน กิ่งไม้ก็เลยตกลงมาใส่มือดังปั้ง ตอนแรกรู้สึกว่ามีอะไรตกลงมาใส่ช่วงปลายนิ้ว แต่ยังชาอยู่ ยังไม่รู้สึกอะไร ในฉากคุณแม่ต้องเข้ามาถามว่าเจ็บมั้ย เป็นอะไรหรือเปล่า เราก็ตอบไปตามบทว่าไม่เจ็บค่ะ แต่พอสั่งคัตเท่านั้นแหละ ความรู้สึกชาตอนถ่ายมันหายไปแล้ว ใหม่เจ็บมากจนน้ำตาไหลออกมาเลย วิ่งไปหาคุณแม่บอกว่าเจ็บมาก มาดูอีกทีนิ้วนี่บวมเขียวเลย พอไปตรวจคุณหมอบอกกระดูกแตกค่ะ จัดการดามนิ้วเสร็จก็กลับมาถ่ายต่อ แต่คราวนี้ถ่ายแค่หน้านะ เพราะนิ้วดามอยู่ ถ่ายทั้งตัวไม่ได้ (ยิ้ม)”


ผ่านศึกหนักมาขนาดนี้ ทำให้ใหม่เข้าใจดีกว่าการเป็นดาราไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คนที่อยากเข้าวงการเพราะคิดว่าเป็นงานสบาย คงต้องฟังเอาไว้ “ทำอาชีพนี้ต้องอดทนเหมือนกันค่ะ เพราะกว่าจะได้ฉากนึงก็ยาก อย่างฉากขี่เจ็ตสกีในเรื่องเงากามเทพ ตอนฉายดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสั้นๆ แต่จริงๆ แล้วถ่ายทำกันทั้งวัน คนที่มองว่าอยู่ในวงการแล้วสบาย อยากบอกว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่สวยหรูขนาดนั้น มันคืออาชีพๆ นึงที่เราต้องมีความรับผิดชอบ จะบทนางเอกหรือบทอื่นก็ต้องเหนื่อยเหมือนๆ กันค่ะ ไม่ใช่ว่าจะสบายไปเสียทุกอย่าง” ใหม่อธิบายอย่างผู้มีประสบการณ์


เบื้องหลังน้ำตา “เทียน”
ฉากบู๊แอ็กชันว่ายากแล้ว เจอฉากดราม่าในละครเรื่อง “เงากามเทพ” เข้าไป ใหม่ขอบรรยายความรู้สึกด้วยการลากเสียงยาวๆ ว่า “ยากมาก” เห็นดอกเทียนในเรื่องร้องไห้แทบทุกฉากอย่างกับน้ำตาสั่งได้ จะน้อยใจ เสียใจ หรือซึ้งใจเพราะนายหัวโรม ใหม่ตีบทแตกทั้งนั้น หลายคนคงเข้าใจว่าเธอผ่านการฝึกฝนจากโรงเรียนการแสดงมาอย่างดี แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าความจริงแล้ว เธอมีโอกาสได้เรียนแค่หลักสูตรเร่งรัดเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องใช้วิชาครูพักลักจำจากหน้ากล้องเอาเอง


“ได้เรียนแอ็กติ้งแค่ตอนก่อนถ่ายละครเรื่องแรกประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วก็ยังไม่มีโอกาสได้เรียนอีกเลยค่ะ มีครูมานั่งสอนเราเย็นวันนั้นแล้ววันถัดไปก็ให้ถ่ายจริงเลย สอนการตีความความรู้สึกตัวละครกับวิธีอ่านบท วิธีจำบท แต่จะแสดงออกมายังไง ต้องมาเรียนรู้เอาหน้ากล้องค่ะ ช่วงแรกๆ ร้องไม่ออกเลย เพราะใหม่จะใช้วิธีคิดเรื่องเศร้าของเราเอง อย่างหมาตายหรืออะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) แต่พี่อ๊อด ผู้กำกับบอกว่ามันไม่ใช่นะ มันเศร้าคนละอย่างกัน ลองเปรียบเทียบดูสิว่าพ่อถูกรถชนกับหมาตาย มันคนละอารมณ์กันเลย ใหม่ก็เลยต้องพยายามคิดใหม่ ทำตามพี่เขาบอก ต้องเรียกอารมณ์มาจากข้างในจริงๆ ทุกวันนี้ถ้ามีฉากร้องไห้ ก็จะคิดว่าตัวเองเป็นตัวละครตัวนั้นเลยค่ะ”


“ที่ยากที่สุดคงเป็นฉากที่เทียนอยู่ในรถแล้วถูกรถชน พ่อแม่ตายอยู่ข้างหน้าเรา ฟื้นขึ้นมาเห็นแม่นอนคอพับ เลือดไหลอยู่ข้างหน้า แล้วเรื่องจริงใหม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการที่คนฟื้นขึ้นมาจากรถชนเขาจุกหรือเปล่า เขาจะงง จะร้องไห้ออกมาเลยมั้ย หรือรู้สึกยังไง เราไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้น ในบทต้องร้องไห้หนักและนานมาก แต่โชคดีค่ะที่ฉากนั้นถ่ายเทกเดียวผ่าน ตอนแสดงก็พยายามคิดว่าคนนั้นเป็นแม่เราจริงๆ ดูเหมือนพูดไม่จริงเนอะ แต่มันต้องคิดอย่างนั้นค่ะถึงจะดึงอารมณ์ออกมาได้ ทุกวันนี้ก็ยังทำไม่ได้ทุกฉากเลย บางทีพยายามคิดแล้วแต่น้ำตาไม่ไหลก็มี เหมือนกับบางเหตุการณ์เราไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตัวละครเขาร้องไห้ทำไม คิดว่ายังต้องพัฒนาแล้วก็แก้ไขอีกเยอะค่ะ (ยิ้ม)”


เรื่องมุมกล้องก็เป็นอีกเรื่องที่นักแสดงต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ได้ นักแสดงน้องใหม่ทุกคนจะประสบปัญหาอยู่ 2 อย่างคือ ถ้าไม่ถูกคนอื่นยืนบัง ก็จะเผลอไปยืนบังคนอื่น ใหม่เองก็เป็นเหมือนกัน “บางทีเราเล่นอยู่แล้วไม่รู้ตัวว่าถูกคนอื่นบังไลน์ พี่ตากล้องก็จะคอยช่วยซิกแนลโบกมือให้เราขยับตัวไปทางซ้ายทางขวา เราก็ต้องค่อยๆ เขยื้อนตัวให้เนียนที่สุด” ว่าแล้วเธอก็ทำท่าประกอบให้ดู ใหม่ทำหน้านิ่งๆ แล้วค่อยๆ เขยื้อนตัวไปทางขวา เมื่อสร้างเสียงหัวเราะให้แก่เราได้สำเร็จ เธอจึงขยายความต่อ


“ตอนกำลังเล่นบทร้องไห้อยู่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ พอเห็นมือพี่ตากล้องโบกปุ๊บ ก็ต้องพยายามควบคุมสมาธิให้อยู่กับบทแล้วก็ขยับตัวไปด้วย ตอนแรกๆ ก็ทำไม่ได้เหมือนกันค่ะ แต่ใหม่เชื่อว่านานๆ เข้านักแสดงทุกคนจะทำได้ การแสดงคือการเรียนรู้ค่ะ ต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด”


มีแฟนคลับเป็นของตัวเองแล้ว
ถึงเจ้าตัวจะถ่อมตัวว่ายังแสดงไม่เก่งเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าทุกคนที่ได้เห็นบทบาทหญิงสาวเจ้าน้ำตาในเรื่องเงากามเทพ ต้องอดปันใจให้แก่ฝีมือการแสดงของเธอไม่ได้ อย่างที่คนทั้งประเทศกำลังหลงรักน้ำตาของ “ดอกเทียน” อยู่ในตอนนี้ เมื่อคนดูหลายคนหันมาติดละครเรื่องนี้กันอย่างงอมแงม ย่อมมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบตัวตนของใหม่เกิดขึ้นมา ถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มีแฟนคลับจากงานละครเป็นครั้งแรก แววตาของใหม่เปลี่ยนเป็นประกายสดใสทันที และเริ่มเล่าเหตุการณ์การเจอแฟนคลับครั้งแรกให้เราฟัง


“ตอนนั้นกันตนาเขาจัดเยี่ยมกองถ่ายเงากามเทพ ให้คนดูเข้ามาดูเบื้องหลังการถ่ายทำ แล้วคืนก่อนหน้านั้นเป็นวันแรกที่ละครเพิ่งออนแอร์ ก็มีคนเข้ามาหาเราแล้วก็เรียกใหม่ว่าเทียนด้วย (เสียงตื่นเต้น) ตอนนั้นดีใจมากที่เขารู้จักเรา ดีใจค่ะที่มีคนจำใหม่ได้ ทำอะไรไม่ถูกเลย ยิ้มอย่างเดียวเลยค่ะ (ยิ้มหวาน) มันเกินความคาดหมายจริงๆ ใหม่ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่มีคนดูละครของเราแล้วบอกว่าเทียนน่าสงสารจัง บอกว่าดูเราแสดงแล้วรู้มั้ยว่าพี่เสียน้ำตาไปด้วย โห...ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอบคุณจริงๆ ค่ะ” นางเอกสาวพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตัน


“มีพี่แฟนคลับคนนึงใจดีมากๆ เขาตั้งเว็บให้ใหม่ด้วย แล้วใหม่เพิ่งรู้ว่ามีเว็บของตัวเองก็ตอนที่เขายื่นพาสเวิร์ดมาให้แล้วบอกว่า นี่คือเว็บของน้องใหม่นะ ใหม่เซอร์ไพรส์มาก บอกจริงเหรอคะ ตอนแรกที่รู้ยังงงๆ อยู่เลยค่ะ (ยิ้ม) ตอนนี้ก็จะมีเข้าไปอัปเดตงานเองบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะให้พี่ผู้จัดการช่วยดูให้ค่ะ” ใหม่อธิบาย


หลายคนที่เข้ามาทำงานในวงการจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าชีวิตเปลี่ยนไป แต่สำหรับใหม่ เธอมองว่า “ตัวใหม่เอง ใหม่คิดว่าไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนะ ก็ยังเป็นใหม่คนเดิมแบบนี้นี่แหละค่ะ (ยิ้ม) อาจจะมีเรื่องความเป็นส่วนตัวที่เปลี่ยนไปบ้าง มีคนรู้จักเรามากขึ้น มีคนมองมากขึ้นเวลาไปไหนมาไหน อาจจะต้องยิ้ม พยายามมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น กับคนที่ชื่นชอบผลงานของเรา” ส่วนเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไปจริงๆ คงเป็นโอกาสที่ได้รับจากทุกๆ คนมากกว่า


“ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ค่ะทั้งแฟนคลับ พี่ๆ นักแสดง พี่ๆ ทีมงานทุกคน ใหม่เป็นนักแสดงใหม่ ไม่มีประสบการณ์เลย แต่ทุกคนก็ช่วยถ่ายทอดวิชา ช่วยสอนใหม่ บางทีเราร้องไห้ไม่ออก หรือเดินไปบังกล้องพี่เขา อาจจะทำให้ต้องเทกบ่อยๆ แต่ทุกคนก็อดทนกับใหม่ สอนใหม่จนใหม่มีทุกวันนี้ ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เมตตาแล้วก็ให้โอกาสเด็กใหม่อย่างหนูค่ะ” พูดจบประโยคเธอก็ยกมือขึ้นไหว้ เพื่อแทนอีกหลายความรู้สึกที่ไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้


เกิดมาเพื่อฆ่าดาวรุ่งต่างค่าย?
คงไม่เกินไปนัก ถ้าจะบอกว่าไม่มีแฟนละครช่อง 7 สีคนไหน ไม่รู้จักเธอ เพราะตอนนี้ใหม่มีละครหลังข่าวฉายถึง 5 วันรวด คือวันพุธ-พฤหัสฯ รับบทเป็น “ดอกเทียน” คู่กับ “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ” ในเรื่อง “เงากามเทพ” ลากยาวไปถึงวันศุกร์-อาทิตย์ ที่รับบท “กระถิน” คู่กับ “อ๊อฟ ชนะพล สัตยา” ในละครแอ็กชันไซไฟเรื่อง “เหนือมนุษย์” แถมยังมีคิวละครรีเมกเรื่อง “ดอกแก้ว” จ่อคิวรอบวงสรวงอยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่นางเอกหน้าใหม่ในวงการจะได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่เช่นนี้
หลายฝ่ายมองว่าเป็นเพราะเชื้อสายลูกครึ่งในตัวเธอ ทางช่องจึงตั้งใจดันให้ดัง ให้เป็นนางเอกดาวรุ่ง เพื่อสู้กับกระแสนางเอกหน้าฝรั่งของคู่แข่งรายสำคัญอย่าง มาร์กี้, คิมเบอร์ลี่ และญาญ่า ส่วนเจ้าตัวจะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ต้องลองฟังจากปากของเธอเอง


“ก็ดีใจค่ะที่มีใหม่หน้าฝรั่งแล้วได้อยู่ช่อง 7 แต่ก็ไม่ได้คิดว่าผู้ใหญ่จะปั้นเราไปแข่งกับใคร แล้วก็คิดว่าไม่น่าใช่ด้วย ถ้าถามว่ากดดันมั้ย ใหม่คงกดดันเรื่องการแสดงของตัวเองมากกว่า กลัวว่าเราจะไปเป็นตัวถ่วงคนอื่น ส่วนเรื่องเปรียบเทียบข้ามช่องไม่เคยคิดเลยจริงๆ ค่ะ เหมือนกับเราทำงานเสียจนแทบจะไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ” นางเอกสาวยิ้มมุมปาก ก่อนอธิบายให้ฟังต่อด้วยสีหน้าเรียบๆ

“ใหม่ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าตัวเองเป็นดาวรุ่งหรืออะไร คิดแค่ว่าเราเป็นนักแสดงที่ต้องทำงานออกมาให้ดี ไม่อยากคาดหวังว่าจะต้องพุ่งไปข้างหน้า หรือต้องมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเราอย่างเดียว เพราะถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเองดีอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วสักวันนึงมันไม่เป็นไปตามที่คิด เราก็จะเสียใจเอง ทุกวันนี้ใหม่ได้เล่นละคร ใหม่ก็ดีใจแล้วค่ะ ไม่อยากคิดให้ตัวเองอยู่สูงเกินไป เดี๋ยวตกลงมาแล้วมันจะเจ็บกว่าคนทั่วๆ ไป” ดาราสาวเปิดใจให้เราฟัง


ตอนนี้นางเอกตัวแม่ของช่องก็เริ่มลดน้อยลงทุกที บางรายโดนซื้อตัวไปอยู่อีกสังกัด ส่วนที่ยังอยู่ก็เริ่มลาไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว อย่างนางเอกสาว “กบ สุวนันท์ คงยิ่ง” ที่เพิ่งหยุดพักเพื่อหลบไปคลอดลูก หรือ “นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี” เองก็กำลังเคลียร์ตารางงานเพื่อหันไปใช้ชีวิตคู่ จึงจำเป็นที่ช่อง 7 ต้องหานางเอกใหม่มาแทนที่ และเป็นไปได้ว่า “ใหม่ ดาวิกา โฮรเน” จะมีรายชื่อติดอยู่ในโผ เพราะเธอคือนางเอกดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของช่องในขณะนี้ ถามว่าเธอมีความหวังกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ใหม่ยิ้มรับก่อนให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา


“ถ้าความสามารถเราไปถึงขนาดเป็นตัวแม่ได้ ใหม่คงรู้สึกดีมากๆ ค่ะ แต่คิดว่าคงยาก อยากให้มองเป็นเรื่องอนาคตไปจะดีกว่า ทุกวันนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากแสดงไปเรื่อยๆ พัฒนาการแสดงของตัวเองไป อยากอยู่ในวงการไปนานๆ ค่ะ”


โดนมาแล้ว! แอบถ่ายใต้กระโปรง
สิ่งที่ดาราส่วนใหญ่กลัวมากที่สุดคือการถูกแอบถ่าย โดยเฉพาะการถูกถ่ายพื้นที่ส่วนบุคคลบนเรือนร่าง เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นสูงสุด เราถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไป เพื่อให้เธอได้แสดงความคิดเห็นจากสายตาเด็กใหม่ในวงการ แต่กลับได้คำตอบจากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าในฐานะคนที่เคยตกเป็นเหยื่อของปาปาราซซี่มาแล้วแทน ตอนแรกใหม่กระอักกระอ่วนใจที่ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอให้ฟัง เพราะไม่อยากพาดพิงถึงใคร แต่เมื่อเราเกลี้ยกล่อมว่าอยากให้ประสบการณ์ที่เธอพบเจอ เป็นอุทาหรณ์ให้แก่คนอื่นๆ ใหม่จึงยอมเปิดใจ


“โดนตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการเลยค่ะ วันนั้นเป็นวันบวงสรวงละคร แล้วชุดที่ใส่เป็นกระโปรง เป็นช่วงที่หันไปคุยกับคนนั้นคนนี้แล้วนั่งไม่ระวัง ก็เลยถูกแอบถ่ายเอาไว้ ตอนแรกไม่รู้หรอกค่ะว่าโดน มารู้อีกทีตอนลงข่าวหนังสือพิมพ์แล้ว พี่ๆ เขาเอามาให้ดู เห็นแล้วรู้สึกเสียใจมาก ไม่ได้คิดโทษว่าใครถ่ายหรอกค่ะ แต่เสียใจกับตัวเองมากกว่า คิดว่าทำไมเราไม่นั่งให้มันดีกว่านี้ เราควรจะระวังตัวตลอดเวลา ไม่น่าเผลอเลย” สาวลูกครึ่งอธิบายด้วยน้ำเสียงน่าเห็นใจ ก่อนขยายความให้ฟังต่อ


“ปกติใหม่ไม่ใช่คนนั่งขาชิดตลอดอยู่แล้วค่ะ จะชอบนั่งสบายๆ มากกว่า เพราะส่วนใหญ่จะใส่กางเกงมากกว่ากระโปรงก็เลยไม่ชินกับการต้องระวังตลอดเวลา ถึงภาพที่ถ่ายวันนั้นจะเห็นแค่ซับในกระโปรง เพราะเราก็เซฟเอาไว้บ้าง แต่พอโดนถ่ายออกมาเป็นภาพแบบนั้น ยังไงมันก็ไม่น่าดู ใหม่ว่ามันทำร้ายจิตใจกันไปหน่อย ตามซอกตามหลืบอย่างนั้น มันเป็นส่วนที่เราไม่อยากให้ใครเห็นอยู่แล้วน่ะค่ะ ใหม่โดนมาแล้ว รู้ดีค่ะว่าคนที่ถูกถ่ายรู้สึกยังไง แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนค่ะ สอนให้เรารู้ว่าควรจะนั่งท่าไหน เพราะยังไงก็กลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว นอกจากจะเซฟตัวเองในครั้งต่อไป”


แม้จะถูกต้อนรับน้องใหม่ด้วยความรู้สึกแย่ๆ แต่ใหม่ยังมองเห็นแง่ดีๆ ของวงการบันเทิงมากกว่า และยังคงเชื่อเสมอว่าถ้าวางตัวดี ทำในสิ่งดีๆ สุดท้ายก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีตอบแทนกลับมาเอง
“คนภายนอกอ่านข่าว เห็นอะไรแบบนี้แล้วอาจจะรู้สึกว่าวงการบันเทิงแย่มาก แต่ถ้าได้ลองเข้ามาทำงานจะรู้ว่าอบอุ่นค่ะ ใหม่รู้สึกว่าทุกคนปฏิบัติต่อกันเหมือนครอบครัวเลย ทุกคนช่วยเหลือกัน พอมีเด็กใหม่เข้ามา พี่ๆ เขาก็ช่วยถ่ายทอดช่วยสอนให้ ไม่มีใครหวงวิชาเลย เหมือนกับที่ใหม่ได้รับมา ใหม่ว่าอยู่ในวงการนี้ถ้าเราทำตัวดี เราก็จะได้เจอแต่สิ่งดีๆ ค่ะ"
"ด้านเสียก็อาจจะมีบ้าง ถ้าเรายอมถูกชักนำไปในทางที่ไม่ดี ไปเที่ยวเสเพล แต่สิ่งเหล่านี้เราเลือกได้ แค่ต้องมีสติ เป็นตัวของตัวเราให้มากที่สุด อย่าเพิ่งพยายามหาสิ่งแปลกปลอมเข้าหาตัวเอง อย่าเพิ่งรีบค่ะ ถ้าเรายังอายุเท่านี้ เราก็เป็นตัวของตัวเองในอายุที่เป็นอยู่ไปก่อน ไว้โตกว่านี้ จะคิดจะทำอะไร ก็ค่อยปล่อยให้เป็นวิจารณญาณของอายุในตอนนั้น” นางเอกสาววัย 18 พูดตามความเข้าใจ


เรื่องหัวใจเอาไว้ก่อน
จะเดินแบบ ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา สวมบทบาทอยู่ในจอ หรือแม้แต่โชว์ลูกคอร้องเพลงประกอบละคร ใหม่ก็ทำมาหมดแล้ว ถามว่าคิดอยากทำเบื้องหลังบ้างมั้ยในอนาคต เธอให้คำตอบทันทีว่า “ไม่เคยคิดเลยค่ะ ใหม่ว่าคนเบื้องหลังนี่ทำงานหนักกว่าคนเบื้องหน้าอีกนะ ทั้งพี่ผู้กำกับ ผู้ช่วยผู้กำกับ พี่ช่างไฟ ตัดต่อ ทุกคนเขาทำงานหนักกว่าใหม่ตั้งเยอะ แล้วต้องใช้ทักษะสูงด้วย ใหม่ว่าใหม่คงไม่มีความสามารถทางด้านนั้นค่ะ ถ้าจะให้ลองอะไรใหม่ๆ อยากลองเล่นหนังมากกว่า ปกติชอบดูหนังอยู่แล้ว ถ้าได้มีโอกาสเล่นคงน่าสนุกดีเหมือนกัน”


เมื่อเปรียบเทียบประเภทงานที่ทำมาทั้งหมด อาชีพนางแบบคือสิ่งที่เธอผูกพันมากที่สุดและยังอยากทำต่อไปเรื่อยๆ ส่วนงานละคร ใหม่ก็ยินดีรับเล่นทุกบทบาท ตราบเท่าที่จะยังมีโอกาสอยู่ในจอทีวี ไม่เว้นแม้แต่บทนางร้าย หรือบทแม่ที่นางเอกหลายคนปฏิเสธ


“เวลารับงานเดินแบบ รู้สึกว่าได้ทำงานไปด้วย ใส่ชุดสวยๆ ไปด้วย มีความสุขดีค่ะ ส่วนข้อดีของงานโฆษณาคือไม่เหนื่อยนาน ถ่ายวันเดียวเสร็จเลย แล้วก็เป็นงานชิ้นแรกๆ ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการด้วย ก็เลยรู้สึกผูกพัน ถ้าไม่หนักเกินไปก็อยากจะทำคู่ไปกับงานละครด้วย ส่วนแนวละครที่ชอบคงเป็นบทสนุกๆ สดใสร่าเริง แต่ดรามามาก็โอเคค่ะ (เสียงอ่อย) ล้อเล่น... แล้วแต่ผู้ใหญ่เลยค่ะ จะเมตตามอบหมายงานไหนให้ ใหม่ก็ยินดี บทนางร้ายก็น่าลองเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหนนะ หรือถ้าวันนึงอายุมากแล้ว ทางช่องให้เปลี่ยนไปเล่นบทแม่ก็คงต้อมยอมรับสภาพแหละ (หัวเราะ)” สาวขี้เล่นไม่ลืมปล่อยมุกทิ้งท้าย


แล้วเรื่องหัวใจล่ะ? เราถามออกไปเมื่อเห็นว่าเธอวางอนาคตเรื่องงานไว้เพียงอย่างเดียว ใหม่ยิ้มอย่างรู้ทันและให้คำตอบว่า “ตอนนี้ไม่ได้คิดเลยค่ะ เวลาจะลงมือทำอะไร ใหม่จะตั้งใจทำมากๆ ตอนนี้แค่ทำงานกับเรียนก็เหนื่อยมากแล้ว ถ้ามีแฟนด้วยคิดว่าคงปวดหัวน่าดู อย่าเพิ่งมีเลยดีกว่า ตอนนี้ก็ขอโฟกัสเรื่องงานก่อนค่ะ คุณแม่จะบอกตลอดว่าโอกาสที่จะได้มาเล่นละคร ได้เป็นนางเอก มีแค่ 1 ในล้าน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะลูก พอเราได้รับโอกาสตรงนี้แล้วก็อยากพยายามให้เต็มที่ค่ะ อย่าเพิ่งไปเขว คิดถึงเรื่องอื่น ก็เลยไม่ได้คิดเรื่องความรักเอาไว้เลย”

ได้ยินแบบนี้ หนุ่มๆ ที่หมายตาเธอเอาไว้ คงใจฝ่อกันไปเป็นแถบ แต่สำหรับใครที่มั่นใจว่าคบกันแล้วจะไม่ทำให้นางเอกสาวคนนี้ต้องปวดหัว เธอกระซิบบอกสเปกเอาไว้ว่า “ขอแค่อย่างเดียวค่ะ ให้สูงกว่าใหม่ก็พอ เพราะใหม่สูง (ทำเสียงสูง) นอกนั้นโอเคหมด จะขาวจะดำ ตี๋หรือฝรั่ง ไม่ได้ฟิกซ์ค่ะ” สาวตาคมยิ้มขี้เล่นตบท้าย



ตัวจริงของเธอ
แสดงเป็น “กระถิน” ต้องรับบทห้าวๆ ลุยๆ เตะต่อยตลอดเวลา แต่พอมาเป็น “ดอกเทียน” กลับต้องอ่อนหวานอ่อนไหว ร้องไห้กันทุกฉากทุกอารมณ์เพราะน้อยใจนายหัว แฟนละครหลายคนอาจกำลังสับสนว่าตัวจริงของเธอเป็นแบบไหนกันแน่ “ใหม่ว่าใหม่อยู่ตรงกลางค่ะ กระถินก็ห้าวเกินไปจนไม่ใช่ใหม่ จะเหมือนก็ตรงท่าทางเฮ้วๆ ลุยๆ แต่ใหม่รักสงบค่ะ (ยิ้ม) ไม่ใช่คนที่จะไปท้าตีท้าต่อยใครอย่างในเรื่อง แต่ถ้าเทียบกับดอกเทียนก็หวานเกินไป ใหม่จะไม่ร้องไห้ขนาดนั้น ที่จริงแล้วเป็นคนร้องไห้ยากมากด้วย นอกจากจะมีเรื่องที่ทำให้เสียใจจริงๆ ซึ่งนับครั้งได้เลย”


หนึ่งในเรื่องที่ทำให้นางเอกสาวคนนี้เสียน้ำตาได้ต้องเกี่ยวกับสัตว์ เพราะใหม่เป็นคนรักสัตว์มาก ที่บ้านเลี้ยงน้องหมาเอาไว้ถึง 4 ตัวด้วยกัน มีทั้งพันธุ์ปอมเมอเรเนียน พุดเดิล 2 ตัว แล้วก็พันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์อีกตัวหนึ่ง ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้เธอหลั่งน้ำตาครั้งล่าสุด คืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับหมาตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งซึ่งเธอไม่ได้เป็นเจ้าของ

“ตอนนั้นนั่งอยู่บนรถ กำลังจะไปโรงเรียน เผอิญหันไปเห็นลูกหมาตัวนึง รู้สึกว่าจะเป็นพันธุ์ชิวาว่า ใหม่ก็สะกิดบอกคุณแม่ให้ดู บอกว่าน่ารักจังเลย สักพักมันวิ่งข้ามถนนมาแล้วก็โดนรถชน กระเด้งตกลงมาตายต่อหน้าต่อตาเราเลย อึ้งมาก ร้องไห้เลย วันนั้นเลยไม่เป็นอันเรียนเลยค่ะ สะเทือนใจมาก... นี่แหละค่ะคือเรื่องที่ทำให้ใหม่ร้องไห้ครั้งล่าสุด”



ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : ใหม่ ดาวิกา โฮรเน
วันเกิด : 16 พ.ค. 2535
ส่วนสูง : 173 ซม.
น้ำหนัก : 50 กก.
การศึกษา : เกรด 12 ร.ร.นานาชาติเกวลี
ความสามารถ : รำไทย, เต้นแจ๊ซ และร้องเพลง
ผลงาน : โฆษณากล้อง Nikon Coolpix S8000, แป้ง Cute Press, I-mobile 3GX ชุด Video Call, ละครเรื่องเหนือมนุษย์และเงากามเทพ รวมทั้งผลงานถ่ายแบบและเดินแบบอีกหลายชิ้น

http://mgr.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000008959

No comments:

Post a Comment