หนังสือชื่อ กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก เป็นงานค้นคว้า ทรงคุณค่า ไม่พิมพ์จำหน่าย เป็นธรรมทาน ให้เปล่าอีกหนึ่งเล่ม ในจำนวนหนังสือนับเล่มไม่ถ้วน ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
หลังพุทธกาล พระพุทธศาสนา เผชิญกับศัตรูผู้ย่ำยี มากมายหลายครั้ง
ครั้งแรก...หลังพระเจ้าอโศก ครองราชย์ 37 ปี โอรส-ปนัดดาครองต่อมาอีก 47 ปี พ.ศ.298 พราหมณ์ปุษยมิตร ซึ่งเป็นอำมาตย์ปลงพระชนม์กษัตริย์พฤหัทรถ ล้มราชวงศ์โมริยะ ตั้งตนเป็นกษัตริย์ เริ่มราชวงศ์ศุงคะ ประกาศเลิกเสรีภาพทางศาสนา
รื้อฟื้นพิธีอัศวเมธ (ฆ่าม้าบูชายัญ) ของพราหมณ์ ตามมาด้วยการกำจัดพุทธศาสนา ฆ่าพระ เผาวัด รุนแรงถึงขนาดประกาศให้ค่าหัวชาวพุทธ
แต่เพราะเหิมเกริมใช้พิธีปล่อยม้าอุปการ ไปรุกรานบ้าน เมืองใกล้เคียง ราชวงศ์ศุงคะก็ล่มสลาย เพราะไปรบแพ้กองทัพกรีกแห่งโยนก
ครั้งที่สอง พ.ศ.1040 พวกหูณะ หรือฮั่นขาว ชนเผ่าเร่ร่อนจากเอเชียกลางตอนเหนือ บุกเข้ามาครอบครองชมพูทวีปภาคตะวันตกเฉียงเหนือ รวมโยนก และคันธาระ
ครั้งนี้เอง พวกหูณะ ได้ทำลายเมืองตักสิลา ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาแถบพายัพลงสิ้นเชิง
นับแต่นั้น ศิลปะแบบคันธาระก็เสื่อมลง แต่ศิลปะแบบคุปตะยังคงเจริญต่อมา
ครั้งที่สาม ระหว่าง พ.ศ.1148-1162 ราชาศศางกะ ฮินดูนิกายไศว เริ่มทำลายพุทธศาสนาสังหารพระสงฆ์ที่กุสินาราจนหมด โค่นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา นำพระพุทธรูปออกจากวิหาร
เอาศิวลึงค์เข้าไปตั้งแทน
เงินตรารัชกาลศศางกะ จารึกข้อความกำกับพระนามพระราชาว่า “ผู้ปราบพุทธศาสนา”
ครั้งที่สี่...ครั้งนี้ไม่มีการย่ำยีด้วยการทำลายล้าง และการฆ่า แต่เป็นการเข้ามาผสมกลมกลืน ระหว่าง พ.ศ.1331-1363 สังกราจารย์ ปราชญ์ฮินดู ตั้งลัทธิอทไวตเวทานตะ มุ่งมั่นกำจัดพุทธศาสนา
เวลานั้นพุทธศาสนารุ่งเรืองอยู่ในเมือง สังกราจารย์ ออกนอกเมืองเที่ยวถกเถียงโต้วาที จัดคณะนักบวชเลียนแบบสังฆะในพุทธศาสนา ตั้ง “มัฐ” เหมือนวัดสี่ทิศ เป็นศูนย์กลางการศึกษา
จากนั้นสังกราจารย์ ก็ค่อยกลืนวัดพุทธนอกเมืองซึ่งอ่อนแอ ไปเป็นวัดฮินดู
ไศวนิกายสายสังกราจารย์ เป็นปฏิปักษ์กับ ฮินดูไวษณพนิกาย คิดเรื่องนารายณ์ปางพุทธาวตาร ขึ้นมา โจมตีทั้งพุทธศาสนาโจมตีไวษณพนิกายไปพร้อมๆกัน
สังกราจารย์ โน้มน้าวกษัตริย์และผู้มีกำลังทรัพย์มากมายให้เลิกอุปถัมภ์บำรุงพุทธศาสนา
ถึงขั้นนั้น พุทธศาสนาก็อ่อนแรง รอวันถูกทำลาย ไม่เพียงถูกกลืนเป็นศาสนาฮินดู พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ ก็ถูกยึดเป็นวัดของฮินดู
ครั้งที่ห้า พ.ศ.1741-1750 ปักข์ติยา ขัลยี ยกกองทัพมุสลิมเตอร์ก บุกเข้าแถบพิหารและเบงกอล ทำลายมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาทุกแห่ง ฆ่าคนไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา และฆ่าพระภิกษุสงฆ์จนหมด กวาดขนเอาทรัพย์สินแล้วเผาวัดทิ้ง
พระพุทธศาสนาก็สูญสิ้นไปจากชมพูทวีป
อ่านประวัติศาสตร์ศัตรูผู้ย่ำยีพระพุทธศาสนา...ฟังข่าวระเบิดพุทธคยา แล้วพอเข้าใจ ไม่ว่าจะใช้อำนาจฆ่าฟันกันแค่ไหน...เวลาจะผ่านไปยาวนานเพียงใด
พระสัจธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ยังงอกงามอยู่ในใจชาวพุทธทั้งปวง
ผมเชื่อเหมือนที่หลายคนเชื่อ...ไม่มีศัตรูหมู่มารที่ใด จะทำลายพุทธศาสนาได้ นอกจากพวกโกนหัวห่มเหลือง...และประสกสีกานอกรีต แอบอ้างพุทธศาสนา...ไปทำมาหาเงิน
เจ้าเณรคำ ที่กำลังดังหนักหนา ยังเป็นแค่โจรธรรมดา เหนือขึ้นไป ยังมีมหาโจร ยอดมหาโจร ลอยหน้าลอยตาหาเงินอีกหลายคน.
หลังพุทธกาล พระพุทธศาสนา เผชิญกับศัตรูผู้ย่ำยี มากมายหลายครั้ง
ครั้งแรก...หลังพระเจ้าอโศก ครองราชย์ 37 ปี โอรส-ปนัดดาครองต่อมาอีก 47 ปี พ.ศ.298 พราหมณ์ปุษยมิตร ซึ่งเป็นอำมาตย์ปลงพระชนม์กษัตริย์พฤหัทรถ ล้มราชวงศ์โมริยะ ตั้งตนเป็นกษัตริย์ เริ่มราชวงศ์ศุงคะ ประกาศเลิกเสรีภาพทางศาสนา
รื้อฟื้นพิธีอัศวเมธ (ฆ่าม้าบูชายัญ) ของพราหมณ์ ตามมาด้วยการกำจัดพุทธศาสนา ฆ่าพระ เผาวัด รุนแรงถึงขนาดประกาศให้ค่าหัวชาวพุทธ
แต่เพราะเหิมเกริมใช้พิธีปล่อยม้าอุปการ ไปรุกรานบ้าน เมืองใกล้เคียง ราชวงศ์ศุงคะก็ล่มสลาย เพราะไปรบแพ้กองทัพกรีกแห่งโยนก
ครั้งที่สอง พ.ศ.1040 พวกหูณะ หรือฮั่นขาว ชนเผ่าเร่ร่อนจากเอเชียกลางตอนเหนือ บุกเข้ามาครอบครองชมพูทวีปภาคตะวันตกเฉียงเหนือ รวมโยนก และคันธาระ
ครั้งนี้เอง พวกหูณะ ได้ทำลายเมืองตักสิลา ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาแถบพายัพลงสิ้นเชิง
นับแต่นั้น ศิลปะแบบคันธาระก็เสื่อมลง แต่ศิลปะแบบคุปตะยังคงเจริญต่อมา
ครั้งที่สาม ระหว่าง พ.ศ.1148-1162 ราชาศศางกะ ฮินดูนิกายไศว เริ่มทำลายพุทธศาสนาสังหารพระสงฆ์ที่กุสินาราจนหมด โค่นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา นำพระพุทธรูปออกจากวิหาร
เอาศิวลึงค์เข้าไปตั้งแทน
เงินตรารัชกาลศศางกะ จารึกข้อความกำกับพระนามพระราชาว่า “ผู้ปราบพุทธศาสนา”
ครั้งที่สี่...ครั้งนี้ไม่มีการย่ำยีด้วยการทำลายล้าง และการฆ่า แต่เป็นการเข้ามาผสมกลมกลืน ระหว่าง พ.ศ.1331-1363 สังกราจารย์ ปราชญ์ฮินดู ตั้งลัทธิอทไวตเวทานตะ มุ่งมั่นกำจัดพุทธศาสนา
เวลานั้นพุทธศาสนารุ่งเรืองอยู่ในเมือง สังกราจารย์ ออกนอกเมืองเที่ยวถกเถียงโต้วาที จัดคณะนักบวชเลียนแบบสังฆะในพุทธศาสนา ตั้ง “มัฐ” เหมือนวัดสี่ทิศ เป็นศูนย์กลางการศึกษา
จากนั้นสังกราจารย์ ก็ค่อยกลืนวัดพุทธนอกเมืองซึ่งอ่อนแอ ไปเป็นวัดฮินดู
ไศวนิกายสายสังกราจารย์ เป็นปฏิปักษ์กับ ฮินดูไวษณพนิกาย คิดเรื่องนารายณ์ปางพุทธาวตาร ขึ้นมา โจมตีทั้งพุทธศาสนาโจมตีไวษณพนิกายไปพร้อมๆกัน
สังกราจารย์ โน้มน้าวกษัตริย์และผู้มีกำลังทรัพย์มากมายให้เลิกอุปถัมภ์บำรุงพุทธศาสนา
ถึงขั้นนั้น พุทธศาสนาก็อ่อนแรง รอวันถูกทำลาย ไม่เพียงถูกกลืนเป็นศาสนาฮินดู พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ ก็ถูกยึดเป็นวัดของฮินดู
ครั้งที่ห้า พ.ศ.1741-1750 ปักข์ติยา ขัลยี ยกกองทัพมุสลิมเตอร์ก บุกเข้าแถบพิหารและเบงกอล ทำลายมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาทุกแห่ง ฆ่าคนไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา และฆ่าพระภิกษุสงฆ์จนหมด กวาดขนเอาทรัพย์สินแล้วเผาวัดทิ้ง
พระพุทธศาสนาก็สูญสิ้นไปจากชมพูทวีป
อ่านประวัติศาสตร์ศัตรูผู้ย่ำยีพระพุทธศาสนา...ฟังข่าวระเบิดพุทธคยา แล้วพอเข้าใจ ไม่ว่าจะใช้อำนาจฆ่าฟันกันแค่ไหน...เวลาจะผ่านไปยาวนานเพียงใด
พระสัจธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ยังงอกงามอยู่ในใจชาวพุทธทั้งปวง
ผมเชื่อเหมือนที่หลายคนเชื่อ...ไม่มีศัตรูหมู่มารที่ใด จะทำลายพุทธศาสนาได้ นอกจากพวกโกนหัวห่มเหลือง...และประสกสีกานอกรีต แอบอ้างพุทธศาสนา...ไปทำมาหาเงิน
เจ้าเณรคำ ที่กำลังดังหนักหนา ยังเป็นแค่โจรธรรมดา เหนือขึ้นไป ยังมีมหาโจร ยอดมหาโจร ลอยหน้าลอยตาหาเงินอีกหลายคน.
กิเลน ประลองเชิง
No comments:
Post a Comment